วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Tip.4 เครื่องชาร์ตแบต

การชาร์ตแบตตามปรกติิแล้วเครื่องชาร์ตที่มากับตัวเครื่องเป็นเครื่องชาร์ตที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าหากวันใดวันนึงเกิดเครื่องชาร์ตหายหรือมีเหตุที่ต้องทำให้หาซื้อเครื่องชาร์ตใหม่ ถ้าซื้อเครื่องชาร์ตที่ไม่ถูกสเปกมา ก็จะทำให้้แบตเสื่อมเร็วไปด้วย

เมื่อต้องการจะซื้อเครื่องชาร์ต ถ้ายังมีเครื่องชาร์ตเก่าอยู่ ให้ดู Output ของเครื่องชาร์ตว่าปล่อยกำลังไฟและกระแสไฟเท่าใด

อย่างตัวอย่าง : OUTPUT 5V == 2.0A (ถ้าต้องการเปลี่ยนหน่วยจาก A เป็น mA ให้นำ 1000 ไปคูณ)
หมายถึง เครื่องชาร์ตให้กำลังไฟ 5 โวลต์(V) และให้กระแสไฟ 2 แอมป์(A) หรือ 2,000 มิลแอม์(mA) 


หากเครื่องชาร์ตเป็นแบบ สาย USB ก็ให้ดู กำลังไฟและกระแสไฟที่เครื่องชาร์ต บางคนคิดว่าเอาไปต่อกับ USB Port ของเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่น่าจะเป็นไร เพราะเครื่องก็ชาร์ตไฟได้ แต่ความจริงแล้ว USB Port ถึงแม้จะจ่ายไฟ 5V แต่จะจ่ายกระแสไฟเพียง 0.5A(500mA) ซึ่งอาจไม่ตรงกับที่เครื่องชาร์ตระบุไว้ และจะทำให้เมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เพิ่มภาระในการจ่ายไฟซึ้งไม่เป็นผลดีต่อคอมพิวเตอร์ด้วย


การเลือกซื้อเครื่องชาร์ตบางคนอาจคิดว่า มีแจ็คเสียบเหมือนกัน กำลังไฟ 5V เหมือนกัน อาจใช้ได้เหมือนกันหมด แต่จริงๆแล้วมันก็มีส่วนทำให้อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของเครื่องลดน้อยลงไปด้วย การที่จะเลือกซื้อเครื่องชาร์ตควรหาให้ได้ใกล้เคียงกับเครื่องชาร์ตที่มากับตัวเครื่องให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้มีกำลังไฟและกระแสไฟเพียงพอต่อการชาร์ตแบตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ